วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คพญานาค ริมโขง เมืองนครพนม

จังหวัดนครพนม เมืองท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์สวยงาม รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม รวมทั้งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมือง วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองนครพนม เมืองเก่าแก่ริมแม่น้ำโขงที่น่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง แถมตอนนี้มีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ที่สะท้อนวิถีความเชื่อของคนริมฝั่งโขงที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำ และตำนานพญานาคผู้คุ้มครองดินแดนในแถบลุ่มน้ำแห่งนี้

องค์พญาศรีสัตตนาคราช ประติมากรรมพญานาคที่หล่อขึ้นด้วยโลหะทองเหลืองน้ำหนักประมาณ 9 ตัน ความสูงรวมฐานประมาณ 16 เมตร ขึ้นประดิษฐานบนแท่น ที่บริเวณแลนด์มาร์ค ริมฝั่งแม่น้ำโขง สามแยกด่านป่าไม้ เทศบาลเมืองนครพนม กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่ช่วยเสริมสิริมงคลแก่ชาวนครพนม เป็นการสร้างสัญลักษณ์เมืองการค้าเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ภายใต้ความเชื่อเกี่ยวกับองค์พญานาคที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ดูแลปกปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง


องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คพญานาค ริมโขง เมืองนครพนม

อุโมงค์นาคราช ทางจักรยานริมแม่น้ำโขง ยาวประมาณ 307 เมตร

อุโมงค์นาคราช ส่วนหนึ่งของเส้นทางปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวนครพนม แห่งใหม่และแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง คาดเปิดให้เข้าเที่ยวชมได้เร็ว ๆ นี้ 

          จังหวัดนครพนม ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สำคัญของทางภาคอีสาน มีเขตชายแดนเชื่อมต่อกับประเทศลาว รวมทั้งมีแนวแม่น้ำโขงที่ทอดยาวตลอดแนวทางด้านตะวันออกของจังหวัด ที่นี่จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย และเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความงดงามของฝั่งแม่น้ำโขงมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการจัดทำเส้นทางจักรยานให้ยาวกว่า 70 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งอุโมงค์นาคราช ก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางจักรยานริมแม่น้ำโขงนั่นเอง





อุโมงค์นาคราช เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญของเส้นทางจักรยานริมแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม จะอยู่ช่วงหลังที่ทำการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง มีระยะทางประมาณ 307 เมตร มีลักษณะเป็นอุโมงค์เหล็ก มีผนังกั้นปลอดภัย สามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของลำน้ำโขงได้กว้างไกลและสามารถขี่จักรยานสวนกันได้ 

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน)

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (อังกฤษ: Third Thai–Lao Friendship Bridge; ลาว: ຂົວມິດຕະພາບລາວ-ໄທ ແຫ່ງທີ 3)[1] เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยที่หมู่ที่ 1 บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม กับประเทศลาวที่บ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน

ควบคุมการก่อสร้างโดยสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวงและบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างใช้งบประมาณก่อสร้างจากรัฐบาลไทยทั้งสิ้น 1,723 ล้านบาท มีระยะเวลาการก่อสร้างรวม 900 วัน แล้วเสร็จในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งด้านการค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม และภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีความยาวรวม 1,423 เมตร มีความกว้าง 13 เมตร และมีการช่องจราจร 2 ช่อง และไม่มีทางรถไฟ และเพื่อเป็นการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2015
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552ณ มณฑลพิธี บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม และเสด็จทรงเป็นประธานพิธีเปิดอย่างเป็นทางการร่วมกับสหายบุนยัง วอละจิด รองประธานประเทศลาว ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 11.11 น.

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน)

พญานาค ริมแม่น้ำโขงหน้า วัดนาโบ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว

พญานาคริมแม่น้ำโขงหน้า วัดนาโบ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว
คำม่วน

พญานาคริมแม่น้ำโขงหน้า วัดนาโบ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว คำม่วน (ลาว: ຄໍາມ່ວນ) เป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาว ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางใต้ของประเทศ ทิศตะวันออกติดกับประเทศเวียดนาม ทิศตะวันตกติดกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับแขวงบอลิคำไซ ทิศใต้ติดกับแขวงสุวรรณเขต



ทางขึ้นลง พญานาคราชแห่งใหม่ ที่หน้าวัดนาโบ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว อยู่ไกล้กับด่านท่าเรือ เมืองท่าแขก เป็นพญานาคที่สวยงาม สร้างเพื่อเป็นแลนด์มาคของเมืองท่าแขก



พญานาค ริมแม่น้ำโขงหน้า วัดนาโบ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว

11 สิงหาคม ครบรอบองค์พระธาตุพนมล้ม


พระธาตุพนมล้ม

เมื่อได้เกิดแผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ 
เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมากมาย ลามจากส่วนบนที่เริ่มปริร้าวลงมายังฐาน   
องค์พระธาตุพนมก็เริ่มเอียงจากแกนเดิม ต่อมาเข้าช่วงฤดูฝน ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
มีฝนตกหนักเกือบทุกวัน และมีลมแรงพัดตลอดเวลารอยร้าวที่มีแต่เดิมเริ่มแยกออกกว้างขึ้น 

วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๑๘
ตอนเช้า ฐานพระธาตุพนมด้านทิศตะวันออก ผนังปูนตรงลวดลายประตูจำหลักซึ่งอยู่ กึ่งกลางของด้านตลอดถึงส่วนที่เป็นซุ้มทรงบายศรี ปูนกะเทาะหลุดร่วงลงมาทั้งแผ่นล่วงมา
ถึงเวลาเย็นอิฐหลุดร่วงจะได้ยินเสียงครืดคราดออกมาจากภายในองค์พระธาตุส่วนฐานนั้น อิฐร่วงลงมาเป็นระยะ ๆ 
ทะลวงลึกเข้าไปเป็นช่องเหมือนถูกคว้านให้เป็นโพรงอยู่ภายในฐาน 
การหลุดร่วงของอิฐในตอนนี้มีทั้งอิฐและดินหล่นลงมา 
จนกระทั่งมองเห็นหินแท่งยาวแบนอยู่ภายในแท่งหินทำให้เข้าใจว่า 
ส่วนฐานขององค์พระธาตุพนมภายในเป็นดินมากกว่าอิฐหรือหิน องค์พระธาตุเอียงไปทางทิศตะวันออกจนเห็นได้ชัด 
ครั้นถึงเวลา ๑๙.๓๘ น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์

องค์พระธาตุพนมได้หักล้มลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ ทับวัตถุก่อสร้างอยู่ในบริเวณนั้น
เช่น หอพระทิศเหนือและทิศใต้ ศาลาการเปรียญและและพระวิหารหอพระแก้วเสียหายทั้งหมด
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากฐานหรือพระธาตุชั้นที่ ๑ ซึ่งสร้างในสมัยแรกนั้นเก่าแก่มาก และไม่สามารถทานน้ำหนักส่วนบนได้
จึงเกิดพังทลายลงมาดังกล่าว           
 พระธาตุพนม องค์สร้างขึ้นใหม่
แต่ด้วยพลังแรงศรัทธาที่มีต่อองค์พระธาตุ ประชาชนได้กันร่วมบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม โดยมีรัฐบาลไทยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง จนแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2522 ลักษณะพระธาตุเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูง งดงามสง่าเหมือนองค์เดิม มีขนาดฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร และสูง 53.60 เมตร